หอบหืด...กับยาที่ใช้
วันพุธที่ 30 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 542
โรคหืด
เป็นโรคที่มีการอักเสบเรื้อรังของหลอดลม เกิดจากหลอดลมมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้และสิ่งแวดล้อมมากกว่าคนปกติ ( Bronchial hyper-responsiveness )ทำให้มีอาการไอ แน่นหน้าอก หายใจมีเสียงหวีด หรือหอบเหนื่อย อาการเหล่านี้เกิดขึ้นทันทีเมื่อได้รับสิ่งกระตุ้น และจะหายเอง ได้หรือหายเมื่อได้รับยาขยายหลอดลม จัดเป็นโรคเรื้อรังที่พบบ่อย เป็นๆหายๆ ทำให้คุณภาพชีวิตลดลงตามความรุนแรงของโรค บางรายไม่สามารถทำกิจกรรมต่างๆได้เช่นคนปกติ ในผู้ป่วยเด็กส่วนหนึ่งยังคุมอาการของโรคไม่ได้ ทำให้ต้องไปตรวจรักษาที่ห้องฉุกเฉินบ่อยๆ
การจะควบคุมโรคหืดให้ได้ ผู้ป่วยต้อง
- หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น จำพวกสารก่อภูมิแพ้ เช่น ฝุ่นบ้าน ขนสัตว์ เกสรดอกไม้ น้ำยา / สารเคมี
- ควันบุหรี่ /ท่อไอเสีย , ความเครียด , เชื้อไวรัสทางเดินหายใจ ความชื้น - ความเย็น
- หลีกเลี่ยงยาบางชนิดที่ไม่ควรให้ในภาวะหอบเฉียบพลัน เช่น ยาแก้ปวดอักเสบที่ไม่ใช่
- สเตียรอยด์ (NSAIDs) ,ยา ß-Blocker, ยาสงบระงับประสาท ( sedatives ) ยาละลายเสมหะ
- mucolytics ( อาจทำให้อาการไอแย่ลง )
- รู้ถึงชนิดของและวิธีการใช้ยาที่ถูกต้อง
- มีความเข้าใจในความแตกต่างระหว่างยาควบคุมโรค (controller) และยาบรรเทาอาการ (reliever)
- สามารถติดตามและใช้ยาได้อย่างเหมาะสม
- ประเมินความรุนแรงของโรค การปฏิบัติตัว การปรับขนาดยากรณีมีอาการหอบหืดเพิ่มมากขึ้น แนวทางการรักษาผู้ป่วยโรคหืดด้วยยา
ยาที่ใช้รักษา มี 2 กลุ่ม คือ
1.ยาสเตียรอยด์ชนิดสูด ( Inhaled corticosteroids, ICS )
การรักษาโรคหืด ต้องลดการอักเสบของหลอดลม โดยยาหลักที่มีบทบาทสำคัญที่ใช้กันคือ ยาสเตียรอยด์ชนิดสูด (ICS)ยานี้สามารถเพิ่มสมรรถภาพปอด ลดความไวของหลอดลม ลดอาการ ลดความถี่และความรุนแรงของอาการหอบกำเริบเฉียบพลัน และเพิ่มคุณภาพชีวิตผู้ป่วย
การใช้ ICS ขนาดสูงในระยะยาวได้ประโยชน์ในหอบหืดเรื้อรังชนิดรุนแรง (severe persistant asthma) เนื่องจากช่วยลดการใช้สเตียรอยด์ชนิดรับประทานในระยะยาว และมีผลข้างเคียงน้อยกว่า
อาจใช้ในรูปแบบยาเดี่ยว เช่น BUDESONIDE, BECLOMETHASONE , FLUTICASONE หรือผสมกับยากลุ่มขยายหลอดลม(กลุ่มที่ 2) ช่วยลดอาการเหนื่อยและอาการกำเริบได้ดี เช่น FLUTICASONE + SALMETEROL
2.ยาขยายหลอดลม ( Bronchodilator )
แบ่งเป็นชนิดออกฤทธิ์สั้นและชนิดออกฤทธิ์นาน โดยกลุ่ม Beta-2 agonists ออกฤทธิ์โดยทำให้กล้ามเนื้อเรียบของหลอดลมขยายตัว อาการเหนื่อยหอบจึงดีขึ้น และยังช่วยเพิ่มการกำจัดสารคัดหลั่ง เช่น เสมหะ ( mucociliary clearance ) ลดการรั่วของสารน้ำจากหลอดเลือด แบ่งเป็น 2 กลุ่ม
2.1 ยาขยายหลอดลมชนิดออกฤทธิ์สั้น ( Short acting bronchodilators = SABA ) ได้แก่
2.1.1 Short acting beta -2-agonists ออกฤทธิ์นานประมาณ 4 ชั่วโมง เช่น ยา FENOTEROL , SALBUTAMOL, TERBUTALINE
2.1.2 Anticholinergics ออกฤทธิ์นานประมาณ 6-8 ชั่วโมง เช่น ยา IPRATROPIUM
การใช้ยาผสม 2 กลุ่มนี้ มีประสิทธิภาพสูงกว่าการใช้ยาเดี่ยวเพียงชนิดเดียว
2.2 ยาขยายหลอดลมชนิดออกฤทธิ์นาน (Long acting bronchodilators = LABA ) ได้แก่
2.2.1 Long acting beta -2 – agonists ออกฤทธิ์นานประมาณ 12 ชั่วโมง เช่น ยา SALMETEROL , FORMOTEROL
2.2.2 Long acting anticholinergics ออกฤทธิ์นานประมาณ 24 ชั่วโมง จึงสามารถใช้เพียงวันละ 1 ครั้ง ในรูปยาพ่นสูด เช่น ยา TIOTROPIUM
การใช้ยารักษาโรคนี้ หากใช้ยา ICS ขนาดต่ำเพียงอย่างเดียวแล้วยังไม่สามารถควบคุมอาการได้ การให้ยาขยายหลอดลม เช่น LABA เสริม ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมอาการของโรคหืด และลดจำนวนครั้งของการเกิดอาการหอบกำเริบ ไม่ควรใช้ LABA เดี่ยวๆในการรักษาโรคหืด ดังนั้น ปัจจุบันการใช้ ICS ร่วมกับ LABA จัดเป็นยาที่ดีที่สุดในการควบคุมโรคหืด สำหรับยาปฏิชีวนะ (antibiotics) ไม่ได้ใช้รักษาภาวะหอบเฉียบพลัน แต่มีข้อบ่งใช้เมื่อ ผู้ป่วยมีภาวะนิวโมเนีย หรือติดเชื้อแบคทีเรีย
ข้อพึงปฏิบัติสำหรับผู้ที่ใช้ยาชนิดสูด
1.ถ้าไม่เคยใช้ยาสูด / พ่นมาก่อน ต้องทำความเข้าใจวิธีใช้ให้ถูกต้อง จนมั่นใจว่าทำได้ อาจลองทำหน้ากระจก หากสังเกตเห็น "ควัน" ออกจากส่วนบนของกระบอกหรือจากมุมปาก แสดงว่าหุบปากไม่สนิท ทำให้ยาไม่เข้าปาก ถ้ามีกระบอก ควรพ่นผ่านกระบอก จะได้ผลมากกว่า
2.ยาสูดพ่นประเภทสเตียรอยด์ ให้อมน้ำบ้วนปากทุกครั้งหลังสูด / พ่นยา เพื่อลดอาการปากคอแห้ง ลดการเกิดเชื้อรา ( ฝ้าขาว ) ในช่องปาก และเสียงแหบ
3.ถ้ามีเสมหะ ก่อนสูดพ่นยา ควรกำจัดเสมหะออกจากลำคอก่อน
4.หากลืมสูดพ่นยา ให้สูดพ่นทันทีที่นึกได้ และสูดพ่นครั้งต่อไปตามปกติ แต่ถ้านึกได้ใกล้เคียงกับ เวลาของครั้งต่อไป ก็ให้พ่นครั้งต่อไปแทนเลย โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เท่า
5.ผู้ที่ใช้ยาสูดพ่น 2 ชนิด ร่วมกัน ต้องว้นระยะในการพ่นแต่ละชนิด 5 นาที โดยควรพ่นยาชนิด ขยายหลอดลมก่อน แล้วเว้นระยะ 5 นาที จึงพ่นชนิดสเตียรอยด์
6.อุปกรณ์ชนิดสูดพ่นที่เรียก Inhaler ควรมีการถอดล้างทำความสะอาดตามคำแนะนำเป็นระยะ
7.หมั่นตรวจสอบจำนวนยาว่ามีเหลือมากน้อยเท่าใด ( ตามคำแนะนำในยาแต่ละชนิด ) โดยเฉพาะยาชนิดขยายหลอดลม เพื่อให้มียาพร้อมใช้ เพราะหากไม่มียาขณะจับหืด อาจเกิดอันตรายถึงชีวิตได้
ข้อมูลจาก เภสัชกรหญิง พัทธ์ธีรา ทิพย์อัครพิชา ผู้จัดการฝ่ายเภสัชกรรม โรงพยาบาลสำโรงการแพทย์