"ช็อคโกแลต" นักวิทยาศาสตร์หลายสำนักต่างสนใจค้นหาประโยชน์ของช็อคโกแลต และพบว่า ในขนมหวานสีน้ำตาลดำชนิดนี้มีคุณค่านานาแฝงอยู่ สารสำคัญที่พบในช็อคโกแลตมีหลายชนิด แต่หลักๆ ที่สำคัญและมีประโยชน์มาก คือ ฟลาโวนอยด์ ซึ่งจัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่มากมายในเมล็ดโกโก้ จึงเป็นยาวิเศษขนานหนึ่งที่ทำให้คนที่กินช็อคโกแลตอยู่ห่างไกลจากโรคหัวใจและมะเร็งได้
ในช็อคโกแลตดำมีสารโกโก้ฟาโวนอยด์ สูงกว่าช็อคโกแลตอื่นๆ สารนี้ช่วยส่งเสริมระบบไหลเวียนโลหิต เสริมสร้างเซลล์เม็ดเลือดให้แข็งแรง ป้องกันเลือดจับตัวกันเป็นลิ่ม ลดเสี่ยงเส้นเลือดในสมองอุดตัน ความดันโลหิตสูง และหัวใจวาย นอกจากนี้ในช็อคโกแลตยังอุดมด้วย "กรดอะมิโนทริปโตแฟน" ช่วยกระตุ้นให้สมองหลั่งสารแห่งความสุข "เซโรโทนิน" ออกมาละลายความตึงเครียดและแทนที่ด้วยความรู้สึกสุขสดชื่น
ดร.ไบรอัน เราเดนบุช จากมหาวิทยาลัยวีลลิง เยซูอิต สหรัฐฯ เผยความลับของช็อคโกแลตว่า เป็นแหล่งของสารกระตุ้นให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าทุกครั้งที่กินเข้าไป เช่น ทีโอโบรมีน, ฟีนีไทลามีน, และคาเฟอีน โดยทดลองใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์วัดการสั่งงานของสมองและทดสอบปฏิกิริยาต่างๆ ของอาสาสมัครที่กินช็อคโกแลตดำ, ช็อคโกแลตนม เปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้กินอะไรเลย ก็พบว่า กลุ่มที่กินช็อคโกแลตมีปฏิกิริยาตอบสนองดีกว่า โดยเฉพาะกลุ่มที่กินช็อคโกแลตนมจะตอบสนองในส่วนของความจำได้ดีกว่ากลุ่มอื่น
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของงานวิจัยมากมายที่นักวิทยาศาสตร์ศึกษาเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของช็อคโกแลต แต่อย่าเพิ่งด่วนดีใจจนโหมกินช็อคโกแลตมากไปกว่าข้าวเด็ดขาดนะคะ เพราะช็อคโกแลตที่จำหน่ายอยู่ทั่วไปไม่ว่าจะถูกหรือแพง ล้วนมีไขมันและน้ำตาลเป็นตัวชูโรงร่วมกันกับโกโก้ หากบริโภคอย่างไม่มีขีดจำกัด มีหวังประโยชน์ของช็อคโกแลตคงจะถูกแปรเปลี่ยนไปเป็นโทษเสียมากกว่า เพราะไขมันและน้ำตาลที่ช่วยเพิ่มความอร่อยอาจกลายเป็นส่วนเกินเมื่อเข้าสู่ร่างกาย 
ดังนั้น หากจะกินช็อคโกแลตแล้วให้ได้ประโยชน์มากกว่าโทษ ก็ควรจะเลือกช็อคโกแลตที่มีส่วนผสมของไขมันและน้ำตาลต่ำแต่มีปริมาณโกโก้สูง นัยหนึ่งก็หมายถึง "ช็อคโกแลตดำ" นั่นเองล่ะ
แม้ว่าในช็อคโกแลตจะอุดมไปด้วยไขมัน แต่ 2 ใน 3 ของไขมันที่มีอยู่ในช็อคโกแลต เป็นไขมันอิ่มตัวที่เรียกว่า สเตีย และไขมันไม่อิ่มตัวชนิดโอเลอิก ซึ่งจะไม่ไปช่วยเพิ่มปริมาณคอเลสเตอรอลชนิดเลว ในกระแสเลือด ฉะนั้นจึงหมดห่วงไปได้อีกเปราะหนึ่ง
อย่าลืมนะคะว่า แม้เราจะรู้ว่าอะไรแล้วดี แต่ก็ไม่ควรทานมากอย่างสุดโต่ง เนื่องจากอะไรที่เกินพอดีจะกลับกลายเป็นผลร้าย และอาจเสี่ยงสะสมสารอันตราย ดังนั้น เดินทางสายกลางไว้ค่ะ

ด้วยความปรารถนาดี จากโรงพยาบาลสำโรงการแพทย์