อาการนอนไม่หลับ  เป็นอาการอย่างหนึ่งที่พบได้ในโรคทางกายหลายชนิด  โรคทางจิตเวชหลายโรค  หรือ  อาจมีสาเหตุจากยาบางชนิด  จากสารบางอย่างที่ออกฤทธิ์กระตุ้นสมอง  เช่น สารคาเฟอีนที่มีอยู่ในชา  กาแฟ  น้ำอัดลมที่มีสีดำ (เช่น โคล่า  เป๊ปซี่)  เครื่องดื่มชูกำลังหลายยี่ห้อ  นอกจากนี้การดื่มสุราอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานก็จะทำให้นอนไม่หลับ

อาการอาการนอนไม่หลับมีหลายรูปแบบ  ตั้งแต่ เข้านอนแล้วหลับยาก  หรือ ตื่นกลางดึกแล้วหลับต่อไม่ได้  หรือ ตื่นเช้ามืดกว่าปกติแล้วหลับต่อไม่ได้ หรือ หลับๆ ตื่นๆ ทั้งผู้ที่นอนไม่หลับหรือหลับได้ไม่เพียงพอ  มักจะมีอาการอ่อนเพลียในตอนกลางวัน  สมองไม่ปลอดโปร่ง  อาจหงุดหงิด  อาจง่วงซึม  หรือหลับมากในตอนกลางวัน  ประสิทธิภาพในการเรียน  ในการทำงานมักจะลดลง  นอกจากนี้อาจมีอาการของโรคต่าง ๆ ที่เป็นสาเหตุของอาการนอนไม่หลับด้วย  เช่น  ตอนกลางคืนนอนกรนเสียงดัง  หรืออาจหยุดหายใจเป็นพัก ๆ  หรืออาจมีอาการของโรคซึมเศร้า  คือรู้สึกซึม  เศร้า  เบื่อหน่าย  ท้อแท้  หดหู่  เบื่ออาหาร  เบื่อชีวิต  คิดอยากตาย 

การดำเนินของโรค  ขึ้นกับโรคที่เป็นสาเหตุ  หรือขึ้นกับสาเหตุต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ  ซึ่งมีโรคหลากหลายชนิด  การดำเนินโรคของแต่ละโรคจึงแตกต่างกันออกไป

*อาการที่แสดงไว้เพื่อเป็นคำแนะนำในเบื้องต้น เท่านั้น

1.  เริ่มแรก  ต้องค้นหาสาเหตุ  และกำจัดสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับก่อน  ถ้าเจ็บป่วยด้วยโรคทางกาย  หรือโรคทางจิตเวช  ก็ต้องรักษาโรคเหล่านั้นให้ดีขึ้น  อาจใช้ยาช่วยให้นอนหลับในช่วงเริ่มต้น  และใช้ยาเป็นระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น  เมื่อความเจ็บป่วยทางร่างกายหรือความเจ็บป่วยทางจิตเวชดีขึ้น  อาการนอนไม่หลับก็จะหมดไป  และสามารถนอนหลับได้ดีขึ้น
2.  ปฏิบัติตนตามสุขลักษณะการนอนที่ดี  ได้แก่
•    จัดห้องนอนให้เหมาะแก่การนอนหลับ  เช่น ไม่ร้อนเกินไป  ไม่หนาวหรือเย็นเกินไป  ไม่ให้มีเสียงดังอึกทึก  ควรมีบรรยากาศที่สงบเงียบ  อาจมีเสียงเพลงเบา ๆ เป็นต้น
•    ใช้ห้องนอนสำหรับการนอน  และ/หรือ การหลับนอนเท่านั้น  ไม่ใช้ห้องนอนทำกิจกรรมอื่นๆ  เช่น รับประทานอาหาร  เล่นเกมส์ต่าง ๆ
•    การดื่มนมอุ่น ๆ 1 แก้ว    หรือ รับประทานกล้วย 1 ผล  ก็อาจช่วยให้หลับได้ดีขึ้น
•    หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่กระตุ้นสมอง   เช่น ชา กาแฟ  น้ำอัดลมที่มีสีดำ (เช่น เป๊ปซี่  โคล่า)  เครื่องดื่มชูกำลังต่าง ๆ ในตอนบ่าย  ตอนเย็น  หรือช่วงก่อนนอน
•    หลีกเลี่ยงการดื่มสุรา  ซึ่งรวมถึง เหล้า เบียร์ ไวน์ อย่างต่อเนื่องทุกวัน  เพราะมีสารเคมีที่ออกฤทธิ์ต่อสมองทำให้นอนไม่หลับ  หรือหลับไม่สนิทได้ในกรณีที่ดื่มติดต่อกันนาน ๆ
•    หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหนักในตอนเย็น  หรือตอนก่อนนอน  ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอในตอนเช้า  สัปดาห์ละ 3-4 วัน  วันละ 20-30 นาที  จะช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้น  และหลับได้ดีขึ้นในตอนกลางคืน
•    พยายามตื่นนอนให้เป็นเวลาเดียวกันทุกวัน  รวมถึงวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดต่าง ๆ ด้วย  วิธีนี้จะช่วยให้วงจรการหลับ-การตื่นของคนเราให้ทำงานได้ดี  ไม่เกิดปัญหา
•    หลีกเลี่ยงการดูภาพยนตร์  รายการโทรทัศน์  หรือเล่นเกมคอมพิวเตอร์ ที่ตื่นเต้นในช่วงก่อนเข้านอน
•    ถ้าเข้านอนไปแล้วประมาณ 20-30 นาที  ยังนอนไม่หลับ  ไม่ควรข่มตาให้หลับ  ควรจะลุกออกจากเตียงไปทำกิจกรรมเบา ๆ ที่ส่งเสริมให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น  เช่น อ่านหนังสือผ่อนคลายสมอง  อ่านหนังสือบันเทิง  ฟังเพลงเย็น ๆ  อ่านหนังสือธรรมะ  ฟังเทปธรรมะ  เป็นต้น
3.  ยาช่วยให้นอนหลับ  ควรรับประทานเป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ  ไม่ควรใช้ยาต่อเนื่องนานเกิน 2-6 สัปดาห์  เพราะอาจทำให้ติดยา  หรือต้องพึ่งยาตลอดไป
ยาช่วยให้นอนหลับหรือยานอนหลับ   จะช่วยให้ผู้ป่วยที่มีอาการนอนไม่หลับที่เป็นแบบชั่วคราว  หรือเพิ่งมีอาการมาไม่นาน  เช่น ไม่เกิน 2-4 สัปดาห์  ให้นอนหลับได้ดี  และช่วยให้อาการต่าง ๆ ดีขึ้นเร็ว  และสามารถหยุดใช้ยานอนหลับได้เร็ว


การป้องกัน
•    ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ  เช่น วันละ 20-30 นาที  สัปดาห์ละ 3-4 วันอย่างต่อเนื่อง  จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและนอนหลับได้ดี
•    ควรมีกิจกรรมที่ผ่อนคลายความเครียด   เช่น การท่องเที่ยวพักผ่อน  การฟังเพลง  การดูภาพยนตร์  เพราะความเครียดที่เกิดขึ้นมักจะทำให้นอนไม่หลับ
•    หลีกเลี่ยงการดื่มเหล้า  เบียร์  และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน

ข้อควรระวัง
ไม่ควรใช้ยานอนหลับต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเวลานาน  เพราะจะทำให้เกิดภาวะดื้อยา  ติดยา  และอาจทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อม  หรือความจำถดถอยลงได้