"ไขปัญหา...โรคตาแห้ง" โรคตาแห้งเป็นโรคที่สร้างความยุ่งยาก รำคาญ และความทุกข์ทรมานให้กับการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้ป่วยมาก เนื่องจากอาการคันและระคายเคืองนัยน์ตา ซึ่งทำให้รู้สึกเหมือนกับว่ามีทรายเม็ดเล็กอยู่ในตาตลอด โดยปกติจะเกิดขึ้นกับดวงตาทั้งสองข้าง อยากจะลืมตาก็ลืมไม่ขึ้น อย่างไรก็ตามผู้ป่วยบางรายกลับมีอาการแสบเคืองตา น้ำตาไหลไม่หยุด อาการดังกล่าวจะยิ่งเป็นหนักหนาสาหัสขึ้น เมื่ออยู่ในที่ที่มีอากาศแห้ง ๆ โดนลมร้อน ๆ หรือเขม่าควัน

สาเหตุที่แท้จริงของ โรคตาแห้ง มาจากการทำงานที่บกพร่องของต่อมน้ำตา ซึ่งมีปัจจัยหลายอย่างเป็นตัวการที่สำคัญคือ ภาวะหมดประจำเดือนที่เกิดขึ้นในผู้หญิงสูงวัย การรับประทานยาคุมกำเนิด มลพิษบางอย่างที่สร้างความระคายเคืองต่อดวงตา เช่น ฝุ่นละออง ควันไฟ หรือไอระเหยของสารเคมี เป็นต้น
อาการของ โรคตาแห้ง

เริ่มต้นด้วยมีความรู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมเข้าตา ตาแห้ง แสบ เคือง โดยอาการดังกล่าวจะเป็นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เยื่อบุตาจะแดงและอักเสบ กระจกตาก็จะถูกครูดด้วยการเสียดสีเพราะขาดน้ำตาไปหล่อเลี้ยง ผู้ป่วยจะลืมตาด้วยความยากลำบาก จากอาการที่เกิดขึ้นนี้ นำไปสู่การติดเชื้อขึ้นที่เยื่อบุตาและกระจกตาอย่างง่ายดาย จึงยิ่งส่งผลให้กระจกตาถูกทำลายจนพร่ามัวหนักขึ้น และที่เลวร้ายที่สุดก็คือ อาจทำให้ผู้ป่วยสูญเสียการมองเห็นอย่างสิ้นเชิง

การเยียวยา รักษาอาการ โรคตาแห้ง
วิธีการเยียวยาอาการของ โรคตาแห้ง ที่สะดวกและดีที่สุดคือ การใช้น้ำตาเทียมหยอดตา ซึ่งน้ำตาเทียมนี้ผลิตจากน้ำที่บริสุทธิ์และปราศจากเชื้อโรค มีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถจะทดแทนน้ำตาธรรมชาติเป็นอย่างดี เวลาใช้จึงไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อเยื่อบุผิวตา นอกจากมีน้ำตาเทียมที่ดี ก็ควรจะมีตัวยาช่วยรักษาบรรเทาอาการอักเสบและติดเชื้อ อันเนื่องมาจากอาการของ โรคตาแห้ง

นอกเหนือจากการหมั่นหยอดตาด้วยน้ำตาเทียมแล้ว ผู้ป่วยควรระมัดระวังดูแลตัวเองด้วยการหลีกเลี่ยงจากภาวะที่เป็นมิลพิษต่อดวงตา ไม่ควรพำนักอยู่ในที่ที่มีอากาศแห้งเป็นเวลานาน ๆ ควรงดสูบบุหรี่และไม่ควรอยู่ในสถานที่ที่มีการสูบบุหรี่ เวลาออกนอกบ้านควรสวมแว่นกันลม กันแดด อีกทั้งควรดื่มน้ำมาก ๆ อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร

น้ำตามีประโยชน์ต่อดวงตามหาศาล
ในแต่ละวันร่างกายของเราจะผลิตน้ำตาออกมาประมาณ 1 กรัม ซึ่งบทบาทของน้ำตาจำนวนนี้มีประโยชน์อย่างยิ่ง ต่อการช่วยชะล้างเชื้อโรคฝุ่นละออง และช่วยหล่อเลี้ยงดวงตาไม่ให้แห้ง อีกทั้งยังช่วยเพิ่มออกซิเจนให้แก่กระจกตาด้วย ยิ่งไปกว่านั้นน้ำตายังทำหน้าที่เสมือนเป็นสารหล่อลื่น ซึ่งช่วยลดการครูดหรือเสียดสีระหว่างหนังตากับเยื่อบุผิวตาได้เป็นอย่างดี มิฉะนั้นการกระพริบตากว่า 20,000 ครั้งต่อวันของคนเราคงจะเป็นไปด้วยความระคายเคืองอย่างแสนสาหัสค่ะ


ด้วยความปรารถนาดี จากโรงพยาบาลสำโรงการแพทย์