จิตอาสา 

คำว่า “จิตอาสา” ได้มีผู้ให้ความหมายไว้มากมาย อาทิ

Ø การไม่นิ่งดูดายต่อสังคม ปรารถนาจะช่วยเหลือด้วยจิตที่เป็นสุข เป็นกุศล เป็นการ

พัฒนาจิตวิญญาณ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่การให้ของ ให้ทาน เท่านั้น

Ø การมีจิตใจเป็นผู้ให้ การได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์

Ø การอาสาช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ด้วยความเต็มใจ โดยไม่แบ่งชั้นวรรณะใดๆ

Ø จิตที่เสียสละ ต้องการช่วยผู้อื่น ไม่นิ่งดูดายกับความทุกข์ของผู้อื่น เป็นจิตที่มีความสุข

สรุป   

จิตอาสา คือ จิตที่ต้องการเป็นผู้ให้ ให้ผู้อื่น ทั้งสิ่งของ เงินทอง แรงกาย แรงสมอง หรือแม้แต่การเสียสละความเป็นตัวตน ที่จะช่วยให้ผู้อื่นและสังคม มีความสุขมากขึ้น

เป็นที่น่ายินดีที่ปัจจุบันนี้ องค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนหันมาสนใจให้ความสำคัญ การช่วยเหลือสังคม มีโครงการดีๆ ชักชวนพนักงานออกไปเป็นจิตอาสาทำความดี ช่วยเหลือสังคม ที่เห็นชัดๆ เพิ่งผ่านไปเร็วๆนี้ คือ เมื่อครั้งน้ำท่วมใหญ่กรุงเทพมหานคร พฤศจิกายน 2554

สำหรับโรงพยาบาลสำโรงการแพทย์ ถือเป็นนโยบายในการพัฒนาบุคลากร นอกจากพัฒนาด้านความรู้ ทักษะ ความสามารถในการทำงานแล้ว ยังให้ความสำคัญกับการหล่อหลอมพัฒนาจิตใจพนักงานด้วย เช่น การเป็นองค์กรแนวพุทธ มีธรรมบรรยายแก่พนักงานสม่ำเสมอ มีส่งพนักงานไปปฏิบัติธรรม ขัดเกลาจิตใจ มีการสอนการนั่งสมาธิทุกเดือน สนับสนุนพนักงานนั่งสมาธิก่อนเริ่มงานทุกวัน และรวมไปถึงการพาพนักงานไปทำกิจกรรมจิตอาสา ตามนโยบายตอบแทน ช่วยเหลือสังคม ฝึกให้พนักงานเป็นผู้ให้ เสียสละเพื่อผู้อื่น

ย้อนเวลาไป โรงพยาบาลสำโรงการแพทย์มีโอกาสช่วยเหลือสังคมไม่น้อย ทุกครั้งจะได้รับความร่วมมือจากพนักงานอย่างเต็มใจ นอกจากตัวเองแล้วยังหอบลูกจูงหลานไปร่วมด้วย เป็นการฝึกบุตรหลานไปในตัว เราไปไหนมาบ้าง

1. ทำความสะอาดห้องน้ำ วัดเกตุมดีศรีวราราม จังหวัดสมุทรสาคร

2. นำของไปบริจาคแก่ชุมชน ที่ถูกน้ำท่วม คราวน้ำท่วมใหญ่กรุงเทพมหานคร ปี 2554

3. ทำความสะอาด มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร.) หลังน้ำลด

4. เลี้ยงอาหารกลางวัน และบริจาคสิ่งของ ชุดกีฬา แก่นักเรียน บ้านพุเกตุ จังหวัดราชบุรี

5. กลับไปอีกครั้งที่โรงเรียน บ้านพุเกตุ เพื่อทาสีอาคารเรียน

6. รวมถึงการร่วมอาสาไปปลูกต้นไม้ ทั้งตามถนนหนทาง และในป่าชายเลน ตามโครงการของเทศบาล และจังหวัดสมุทรปราการ

และมีโครงการเร็วๆนี้ ต้นเดือนพฤษภาคม จะไปบริจาคสิ่งของให้วัดพระบาทน้ำพุ จังหวัดลพบุรีกับช่วยกันทำความสะอาดห้องน้ำ วัดเกตุมดีศรีวราราม จังหวัดสมุทรสาคร อีกครั้ง

ถามว่าการพาพนักงานไปทำกิจกรรมเหล่านี้ ใครได้อะไร องค์กรได้อะไร

แน่นอนผู้รับดีใจที่มีคนมาช่วยเหลือ ที่มีทุกข์ก็บรรเทา หรือมีความสุขที่ได้รับ และสำหรับผู้ให้การพาพนักงานไปทำจิตอาสาต้องมีต้นทุน เงินทอง สิ่งของ เวลา การเดินทาง พาหนะ ฯลฯ รวมกับ แรงกาย แรงใจ แรงสมอง แต่ต้นทุนเหล่านั้นจะไม่เป็นอุปสรรค เพราะถ้ามีโครงการจิตอาสาขึ้นมาแสดงว่า ทั้งเจ้าของบริษัท และพนักงาน ต่างถึงพร้อมด้วยจิตใจที่เต็มร้อย ที่จะช่วยเหลือผู้อื่น มีเงินก็ช่วยเงิน มีสิ่งของอยู่นำมาบริจาค ไม่มีอะไรก็ออกแรง เอาตัวเองไปร่วมกิจกรรม ผลที่

ได้ คือ ความอิ่มเอมใจ ทั้งผู้ให้และผู้รับ ความปิติในหัวใจของผู้ให้ เรืองรองไม่น้อยกว่าผู้รับ หรืออาจจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ ที่เรียกว่า เป็นความสุขจากการให้ และสิ่งนี่เอง ที่องค์กรได้รับ คือ การได้หล่อหลอมให้บุคลากร รู้จักเป็นผู้ให้ ได้เห็นผู้ที่ด้อยโอกาส ได้ช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน ทุกข์ยาก ได้มีส่วนร่วมช่วยเหลือสังคม ประเทศชาติ โดยที่ผู้นำ ผู้บริหารขององค์กรทำให้ดูเป็นตัวอย่าง และเชื่อว่าพนักงานเห็นด้วยและภูมิใจที่องค์กรมีกิจกรรมเหล่านี้

อีกอย่างที่เกิดขึ้น และสำคัญไม่น้อยไปกว่า การได้ฝึกการเป็นผู้ให้ ในการทำกิจกรรมจิตอาสา คือ ความร่วมมือ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน กลายเป็นภาพของความรักความสามัคคี เกิดความสัมพันธ์ที่ดีในกลุ่มพนักงานด้วยกันและกับผู้บริหาร ในขณะที่ได้ร่วมกิจกรรมด้วยกัน ยกตัวอย่าง เมื่อครั้งโรงพยาบาลสำโรงการแพทย์ทำสิ่งของไปบริจาคชุมชนที่ประสบภัยน้ำท่วม แถบบางกอกน้อย พนักงานตื่นเต้นมาก เมื่อทราบว่า กรรมการผู้บริหารมีดำริ ต่างกระตือรือร้นมาช่วยกันออกความคิด และออกแรงกันบรรจุสิ่งของ จำนวนกว่า 4,000 ชุด การเตรียมการทุกขั้นตอน ทุกคนเต็มใจทำ ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส กุลีกุจอคนละไม้คนละมือ ทั้งการหุงข้าวเหนียว การบรรจุลงถุง การแพ็ค การลำเลียงขึ้นรถ โดยมีผู้บริหารมาร่วมด้วย ถึงวันออกไปปฏิบัติงาน ทุกคนต่าง แย่งกันอาสา โดยไม่กลัวแดดกลัวน้ำ เราต้องขึ้นรถ นั่งเรือ ทั้งเรือใหญ่ เรือเล็ก เพื่อเข้าไปให้ถึงชุมชนลึกเข้าไป ทั้งเหนื่อยทั้งสนุก เมื่อไปถึงมีประชาชนมาคอยรับกันแน่นขนัด ได้เห็นรอยยิ้ม และแววตาแห่งความดีใจของผู้รับ ทำให้ความเหน็ดเหนื่อยหายเป็นปลิดทิ้ง กลับกลายเป็นความปิติเกิดขึ้นในหัวใจ อย่างบอกไม่ถูก เป็นความรู้สึกเดียวกันกับที่โรงพยาบาลสำโรงการแพทย์พาพนักงานจิตอาสาไปทาสีอาคารเรียน และมอบชุดนักเรียน อุปกรณ์การเรียนให้นักเรียน โรงเรียนบ้านพุเกตุ ราชบุรี พวกเราภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือ ได้แบ่งปัน ได้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้โรงเรียน และเด็กๆ อีกทั้งปรากฏภาพแห่งความรัก ความสามัคคี ช่วยเหลือกัน ทำงานกันเป็นทีม สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นโดยไม่ต้องจัดอบรมในห้องเรียน

การทำกิจกรรมจิตอาสา ถือเป็นการพัฒนาจิตใจบุคลากรที่วิเศษสุด ได้ทั้งบุญ ได้ทั้งกุศล ได้พัฒนาจิตวิญญาณของพนักงาน ฝึกการเป็นผู้ให้ ผู้เสียสละ เกิดความสุขจากการเป็นผู้ให้ มีความรักความสามัคคีในหมู่คณะ และคิดว่า น่าจะเป็นกิจกรรมที่ถูกจริตกับคนไทย เพราะคนไทยใจดี ชอบทำบุญ

จิตอาสา