- รวมโปรโมชั่น
- เวชศาสตร์ฟื้นฟูทางสมอง
- การผ่าตัดส่องกล้องช่องท้อง
- การผ่าตัดส่องกล้องข้อเข่า
- แผนกอายุรกรรม
- แผนกเวชปฏิบัติทั่วไป
- แผนกสูตินรีเวช
- แผนกศัลยกรรมและฉุกเฉิน
- แผนกศัลยกรรมกระดูก
- แผนกเด็ก
- แผนกจักษุ
- แผนกหู-คอ-จมูก
- แผนกวิสัญญี
- แผนกรังสีวิทยา
- แผนกผิวหนังและศูนย์ความงาม
- แผนกจิตเวช
- แผนกทันตกรรม
- แผนกเวชศาสตร์ฟื้นฟู
ผู้ป่วยเบาหวาน..ดูแลเท้าอย่างไร
วันพฤหัสบดีที่ 2 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555
การเกิดแผลที่เท้าในผู้ป่วยเบาหวานเกิดจากการที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูง และการควบคุมระดับน้ำตาลไม่ดี ส่งผลให้
1.เส้นประสาทที่ไปเลี้ยงเท้าเสื่อม กล้ามเนื้อเท้าอ่อนแรง การกระจายน้ำหนักเท้าผิดปกติ ทำให้เป็นแผลง่าย
2.เส้นเลือดที่ขาตีบ เลือดมาเลี้ยงเท้าลดลง ทำให้เป็นแผลแล้วหายยาก ทำให้ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน เมื่อเป็นแผลแล้วหายยาก มีโอกาสถูกตัดขาได้ง่าย ซึ่งสามารถป้องกันได้ โดยการดูแลเท้าที่ถูกต้องโดย
การดูแลเท้าในผู้ป่วยเบาหวาน1. สำรวจเท้าทุกวันโดยเฉพาะบริเวณซอกนิ้วเท้า ถ้าก้มลงมองไม่สะดวกควรใช้กระจกส่องดู ถ้ามีแผลหรืออักเสบแม้เพียงเล็กน้อยให้ปรึกษาแพทย์ทันที
2. ทำความสะอาดเท้าทุกวันด้วยสบู่อ่อนและเช็ดให้แห้ง รวมทั้งบริเวณซอกนิ้วเท้า ไม่ควรแช่เท้าในน้ำเกินกว่า 5 นาที และไม่ควรแช่เท้าในน้ำ อุ่น เพราะผู้ป่วยเบาหวานมีปัญหาเท้าชาอยู่แล้ว อาจไม่รู้ว่าน้ำร้อนเกินไปทำให้เท้าพุพองได้เวลาแช่น้ำ
3.ถ้าผิวแห้งเกินไปหรือมีรอยแตกเป็นขุย ให้ทาวาสลินหรือโลชั่นทุกวัน แต่ไม่ควรทาบริเวณซอกนิ้วเท้าเนื่องจากทำให้ซอกนิ้วอับชื้นได้
4.ไม่ควรใช้อุปกรณ์ให้ความร้อนเช่นกระเป๋าน้ำร้อนวางที่เท้าโดยไม่ทดสอบอุณหภูมิก่อน
5.ไม่เดินเท้าเปล่า ควรใส่รองเท้าเสมอ ทั้งอยู่ในบ้านและนอกบ้าน ห้ามเดินเท้าเปล่าทั้งในบ้านและนอกบ้านโดยเฉพาะบนพื้นร้อนๆ เช่นหาด ทราย พื้นซีเมนต์
6.หากมีอาการเท้าเย็นกลางคืนแก้ไขโดยการสวมถุงเท้า
7.เลือกสวมรองเท้าขนาดพอดี เหมาะกับรูปเท้า ตะเข็บน้อย และมีเชือกผูก สะดวกต่อการขยายขนาดเท้าหากเท้าบวม
8.ไม่ควรสวมรองเท้าที่ทำจากยางหรือพลาสติก เนื่องจากมีโอกาสเสียดสีเป็นแผลง่าย
9.ห้ามสวมรองเท้าแตะแบบที่ใช้นิ้วคีบสายรองเท้า
10.ถ้าเท้าชาควรสวมรองเท้าหุ้มส้น
11.หากต้องสวมรองเท้าใหม่ ระยะแรกไม่ควรสวมรองเท้าใหม่เป็นเวลานานหลายๆชั่วโมงต่อเนื่องกัน ควรใส่สลับกับรองเท้าเก่าสักระยะหนึ่ง จนกระทั่งรองเท้าใหม่มีความนุ่ม เข้ากับรูปทรงของเท้าได้ดี
12.ผู้ที่ต้องสวมรองเท้าหุ้มส้นทุกวันเป็นเวลาหลายชั่วโมงต่อเนื่องกัน ควรมีรองเท้าหุ้มส้นอีกหนึ่งคู่ ใส่สลับกัน และควรผึ่งรองเท้าที่ไม่ได้สวมให้แห้งเพื่อไม่ให้รองเท้าอับชื้นจากเหงื่อที่เท้า
13.สวมถุงเท้าก่อนสวมรองเท้าเสมอ เลือกใช้ถุงเท้าที่ไม่มีตะเข็บและทำจากผ้าฝ้าย หากมีตะเข็บให้กลับเอาด้านในออก ถุงเท้าต้องไม่รัดแน่นเกินไป และควรเปลี่ยนทุกวัน
14.สำรวจดูรองเท้าทั้งภายในและภายนอกก่อนสวมทุกครั้ง ว่ามีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในรองเท้าหรือไม่
15.การตัดเล็บควรทำหลังล้างเท้าหรืออาบน้ำใหม่ๆ เพราะเล็บจะอ่อนและตัดง่าย ควรตัดเล็บแนวขวางเป็นเส้นตรงโดยให้ปลายเล็บเสมอปลายนิ้ว ห้ามตัดเล็บสั้นเกินไปจนลึกถึงจมูกเล็บ ห้ามตัดเนื้อเพราะอาจเกิดแผลและมีเลือดออก หากสายตาไม่ดีควรให้ผู้อื่นตัดเล็บให้
16.ห้ามตัดตาปลาหรือหนังที่ด้านแข็งด้วยตนเอง และห้ามใช้สารเคมีใดๆลอกตาปลาเอง
18.คุมน้ำหนักตัวไม่ให้อ้วนเกินไป เพื่อลดแรงกดที่เท้า
19.ออกกำลังกายบริเวณขาและเท้าอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 15 นาที เพื่อให้เลือดไหลเวียนที่ขาดีขึ้น
20.ควรควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติหรือใกล้เคียงปกติมากที่สุด
21.งดสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่สำคัญที่ทำให้เส้นเลือดตีบ
22.หากพบว่ามีแผลแม้เพียงเล็กน้อย ให้ทำความสะอาดทันที และควรพบแพทย์โดยเร็ว
โรงพยาบาลสำโรงการแพทย์ ขอเชิญชวนผู้ป่วยเบาหวานตรวจเท้าเป็นประจำ และควรได้รับการตรวจเท้า ตรวจตาและตรวจการทำงานของไตโดยแพทย์อย่างน้อยปีละครั้ง